เมนู

ก็การที่ชนเหล่าใดได้เข้าไปฟัง ชนเหล่า
นั้นได้ลาภดีแล้ว การได้เข้าไปฟังเป็นบุญเขต
ของมนุษย์ เป็นโอสถของสรรพสัตว์ ถึงกรรมที่
เราผู้ได้เห็นพระผู้นำ ก็ชื่อว่าเป็นอันทำไว้ดีแล้ว
เราเป็นผู้รอดพ้นจากวินิบาต เป็นผู้บรรลุบทอัน
ไม่หวั่นไหว
เราเข้าถึงกำเนิดใด ๆ คือ เป็นเทวดาหรือ
มนุษย์ ในกำเนิดนั้น ๆ แสงสว่างย่อมมีแก่เรา
ทุกเมื่อ ทั้งกลางวันและกลางคืน
เพราะการบูชาด้วยแก้วมณีนั้น เราจึงได้
เสวยสมบัติ พบแสงสว่าง คือ ญาณ เป็นผู้บรรลุ
บทอันไม่หวั่นไหว
ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราเอาแก้วมณีบูชา
ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผล
แห่งการบูชาด้วยแก้วมณี
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว. . . คำสอนของ
พระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้แล.
ทราบว่า ท่านพระมณิปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้แล.
จบมณิปูชกเถราปทาน


อรรถกถานฬมาลิยวรรคที่ 48



อทานที่ 1 และ 2

ในวรรคที่ 48 มีเนื้อความง่ายทั้งนั้นแล.

อุกกาสติกเถราปทานที่ 3 (473)



ว่าด้วยผลแห่งการจุดคบเพลิง



[63] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าพระ-
นามว่าโกสิกะ ประทับอยู่ที่ภูเขาจิตตกูฏ พระองค์
เป็นผู้เพ่งพินิจ ยินดีในฌาน เป็นผู้ตื่นแล้ว อภิ-
รมย์ในวิเวก เป็นมุนี
ข้าพระองค์อันหมู่นารีแวดล้อมเข้าไปใน
ป่าหิมวันต์ ได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโกสิกะ
ผู้ปานดังพระจันทร์ในวันเพ็ญ
ครั้งนั้น ข้าพระองค์ถือเอาคบเพลิงร้อย
ดวง แวดล้อมพระพุทธเจ้าอยู่ตลอด 7 วัน 7 คืน
ได้ไปโดยวันที่ 8
ข้าพระองค์มีจิตเลื่อมใส ถวายบังคม
พระสยัมภูพุทธเจ้าพระนามว่าโกสิกะ ผู้ไม่ทรง
พ่ายแพ้อะไร ๆ เสด็จออกจากสมาบัติ แล้วได้ถวาย
ภิกษาอย่างหนึ่ง
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งสัตว์ เชษฐ-
บุรุษของโลก ประเสริฐกว่านรชน เพราะกรรม
นั้น ข้าพระองค์จึงเกิดในหมู่เทพชั้นดุสิต นี้เป็น
ผลแห่งภิกษาอย่างหนึ่ง
แสงสว่างย่อมมีแก่ข้าพระองค์ทุกเมื่อ
ทั้งกลางวันและกลางคืน ข้าพระองค์แผ่รัศมีไป
ได้โดยรอบร้อยโยชน์